Header AD

[นิยายแปลไทย] Blu-ray BOX4 Special Story: Overlord Prologue ปฐมบทโอเวอร์ลอร์ด Part2


[นิยายแปลไทย] Blu-ray BOX4 Special Story: Overlord Prologue ปฐมบทโอเวอร์ลอร์ด 

Part2

แปลไทยโดย ZinthiaLiberic

++++++++++++++++++++++++++++++++

โลกแห่งความมืดถูกเติมเต็มด้วยแสงสว่าง

มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ถึงดวงตาจะปิดอยู่แต่ก็รู้สึกเหมือนกำลังลืมตา   
เมื่อผ่านไปสักพักก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ภายในห้องแห่งหนึ่ง  อาการวิงเวียนที่เกิดขึ้นจากการสลับมายังโลกเวอร์ชวลได้หายไปทันที

เขาหันไปสำรวจรอบตัวอย่างระมัดระวัง

ห้องนั้นถูกสร้างด้วยวัสดุสีเทาบางอย่างซึ่งคล้ายกับคอนกรีต พร้อมด้วยเพดานสูง ถึงแม้ว่าจะไม่มีแหล่งกำเนิดแสงอย่างชัดเจนแต่ทางด้านข้างของผนังปรากฏแสงสว่างสีขาว

"โย่ โมมอนกะซัง ขอบคุณที่มานะครับ"

ใครบางคนเรียกเขา

ซูซุกิ ซาโตรุ หรืออีกชื่อคือ โมมอนอะ เคยล็อคอินเข้าอิดราซิล มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีใครพูดกับเขาเหมือนที่กับที่เพิ่งเกิดขึ้นนห้องนี้มาก่อน เขาเลยรู้สึกสับสนไปสักพัก คงเพราะนั่นเป็นเสียงที่คุ้นเคย อาจเป็นเสียงจากคน ในกลุ่มเดียวกันทีเขาสนิทด้วย อารมณ์ของเขาจึงเปลี่ยนไปทันทีจึงรีบตอบกลับไป

"อา สวัสดีครับเปโรโรนซิโน่ ดีใจที่คุณมาได้นะครับ"

เสียงนั้นระบุได้ว่ามาจากชายที่ศีรษะเป็นส่วนของสัตว์ร้าย ด้านหลังของเขา มีปีกยื่นออกมา
ชุดที่ใส่เป็นชุดเกราะ สีทองเปล่งประกาย

"พูดแบบนั้นก็แย่สิครับ โมมอนกะซัง เป็นคนแรกที่ผมเจอคุณเลยนะครับ"

"ผมเองก็ด้วย ท่าทางว่าเราสองคนจะล็อกอินเข้ามาพร้อมกันนะครับ"

"เอาเถอะครับเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ แต่ที่น่าแปลกก็คือก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย ที่จริงแล้วเวลาหลังเลิกงานแบบนี้ควรจะมีคนล็อกอินมากกว่านี้ครับ"

เปโรโรนซิโน่ เพื่อนของเขาเดินนำหน้าเขาไป

ทุกครั้งที่เปโรโรนซิโน่เดิน จะมีประกายสีทองออกมาจากชุดเกราะของเขาและหายไปในอากาศ กลายเป็นภาพที่ดูดีไม่น้อย

"ผมไม่เคยเห็น effect แบบนี้มาก่อนเลยมันคืออะไรเหรอครับ หรือว่าจะเป็นของดาต้าคริสตอลที่ดรอปได้จากพวกมอนสเตอร์ ในพื้นที่ใหม่ที่เพิ่งไปเจอครับ"

"ไม่ใช่ร้อกกก"

สีหน้าของเปโรโรนซิโน่ ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดคือใบหน้าของอวาตาร์แต่ละคนจะไม่ได้ถูกเปลี่ยนให้ตรงกับน้ำเสียงของคนคนนั้นเลย แต่เสียงของเขาก็ฟังได้อย่างชัดเจนว่าในคำพูดนั้นก็เต็มไปด้วยความสุข

"นี่เป็นเอฟเฟคตัวละครที่ได้จากร้านแคชไอเทมครับ"

โมมอนกะรู้สึกโหวงเหวงเหมือนพื้นที่อยู่ใต้ตัวเองหายไปในทันที เขาควรจะแสดงอีโมติค่อนออกไปสักตัวแต่เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำแบบนั้น เขารีบเดินแซงขึ้นหน้าเปโรโรนซิโน่

"ไม่จริงนะ! ทำไมกัน? เปโรโรนซิโน่ซัง คุณหักหลังผมแบบนี้ได้ยังไง คุณทรยศความเชื่อใจระหว่างเราได้ลงคอด้วยเหรอ ก็เราสัญญากันแล้วนี่ว่าจะเล่นสายฟรีไม่เติมแคชไอเทม"

พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าอยากเทพก็ต้องเปย์เพื่อซื้อไอเทม ดังนั้นพวกเขาจึงรวมกลุ่มกันในชื่อ "No Cash Item Alliance" (พันธมิตรสายฟรีไม่มีเปย์) ความตั้งใจอันแรงกล้าในการใช้ฝีมือทางสกิลทดแทนแคชไอเทม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งเปโรโรนซิโน่และอัลเบิร์ตต่างก็เป็นต้นคิดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นคนที่หักหลังกลับเป็นคนที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมามันยิ่งไม่น่าให้อภัยเข้าไปอีก 

"ผมขอโทษครับ โมมอนกะซัง"

เปโรโรนซิโน่พนมมือเข้าด้วยกันเพื่อแสดงการขอโทษ แต่น้ำเสียงไม่มีวี่แววของการสำนึกผิดเลย

"คุณอยากจะใส่ไอเทมเพื่อเพิ่มเอฟเฟคอะไรก็ช่างเถอะ แต่ดูเข้าสิ ตอนนี้พลังเกราะของคุณจะไม่ลดลงไปเหรอ"

ในอิกราซิล ผู้เล่นสามารถตกแต่งตัวละครได้ตามใจชอบ ซึ่งมีผลต่อพลังในการต่อสู้ด้วย อย่างไรก็ตาม "สกิล" ไม่ใช่สิ่งที่จะใส่กันได้ง่ายนัก เพราะขึ้นอยู่กับค่ากำหนดของไอเทมว่าสร้างมาจากวัถุดิบอะไรรวมถึงวิธีการสร้างซึ่งมีผลกับจำนวนช่องสกิลของไอเทมนั้นๆ

มองในแง่ดี เอฟเฟคพวกนี้ใช้พื้นที่ของช่องสกิลไม่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่พวกเขาจะทำกับไอเทมที่มีช่องสกิลเหลืออยู่

ถึงอย่างนั้น เปโรโรนซิโน่เป็นเกมเมอร์สายพลังต่อสู้ ซึ่งคนแบบนี้จะมองหาแต่สิ่งที่เพิ่มพลังต่อสู้ให้กับตัวเองเท่านั้น พวกเขาเป็นคนจำพวกที่หมกมุ่นอยู่กับสกิลและการปรับแต่งตัวละคร ดังนั้นการที่ต้องเสียพื้นที่ช่องสกิลให้กับเอฟเฟคเล็กๆน้อยถือเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์

"เรื่องนั้นผมก็รู้อยู่หรอก.."

โมมอนกะพยักหน้า เขาลดความจริงจังในโทนเสียงลง ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกฉุนเฉียวกับเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว

"เปโรโรนชิโน่ซัง คุณมักจะชอบสร้างสิ่งที่สมบูรณ์แบบเสมอเลยนะครับ"

"ใช่แล้วครับ ผมจะไม่ใส่ของไร้ประโยชน์ลงในชุดของผมหรอก"

เปโรโรนซิโน่กำลังพยายามสร้างไอเทมชุดที่ชื่อว่า "Sunfall" ซึ่งต้องการดาต้าคริสตอลที่คัดเลือกมาอย่างพิเศษ รวมถึงชุดเกราะและอาวุธที่จะเอาไว้ใส่ไอเทมนี้ด้วย งานนี้ถือเป็นงานหนักที่ได้ผลตอบแทนสูง(ขายได้ราคาดี) เขาจึงกำลังจัดการปรับแต่งไอเทมนี้ให้ดีที่สุด

"เพราะอย่างนั้นผมถึงไม่มีทางเลือกเลยจำเป็นต้องใส่เอฟเฟคจากร้านแคชไอเทมเข้ามาในตัวน่ะสิครับ คุณเองก็รู้แล้วใช่มั๊ยล่ะ ว่าผมเองก็ไม่ได้อยากใส่มัน ถ้ามันเป็นเพียงแค่ของๆผมคนเดียว ผมเองก็คงไม่ต้องมาทำแบบนี้ มันช่วยไม่ได้จริงๆครับ นึกถึงทัชซังแล้วผมล่ะอิจฉาเอฟเฟคระเบิดกับตอนลงพื้นของพี่แกจริงๆ เห็นแล้วอยากได้บ้างจัง"

"อ้อ ของพกวนั้นน่ะเหรอ ออกมาแต่ละทีเล่นเอาแสบตาไปหมด"

คนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่คือหัวหน้าแคลนของพวกเขานั่นเอง และเป็นคนที่โมมอนกะติดหนี้บุญคุณ เขาเป็นคนที่ชอบฮีโร่แปลงร่างมาก ถ้ามีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ทีไร เขาก็มักจะมาร่วมวงด้วยและจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นถ้าได้พูดถึงฮีโร่ที่เคยออกอากาศเมื่อสมัย 150 ปีที่แล้ว

ดังนั้น จะบอกได้ว่านั่นเป็นสไตล์ของเขาก็ได้ เอฟเฟคพิเศษที่เขามีได้ถูกเขียนโปรแกรมเพื่อให้ทำงานอัติโนมัติเวลาที่เขาโพสท่าเท่ห์ๆ ก็จะมีระเบิดปลอมๆตูมออกมาจากด้านหลัง ส่วนอีกอย่าง..

"พูดถึงเรื่องระเบิดนั่นทีไร นึกถึงตอนที่ผมเห็นมันครั้งแรกจริงๆ ทำหน้าแทบไม่ถูกเลยล่ะ ก็แบบว่า ของมัน.."

"ขนาดนั้นเลยเหรอครับ ผมออกจะชอบนะ"

ความยุติธรรมได้มาถึงแล้วเป็นคำพูดตัวโตๆที่จะโผล่มาเวลาเขาโพสท่าเท่ห์ๆอย่างที่ได้ว่าไว้แล้ว

"เอ๋ จริงเหรอครับ เปโรโรนซิโน่ซัง สุดยอดเลยนะครับ คุณนี่สุดยอดจริงๆ"

"สุดยอด?"

"คือว่า ผมคิดว่าในพวกเรา จะมีแค่คุณคนเดียวที่ชอบอะไรแบบนั้นซะอีก"

"อ่า นั่นก็จริงนะ พี่สาวผมก็บอกว่าไม่ค่อยอยาก..เดี๋ยวนะ แบบนี้ก็เหมือนกับว่าผมเป็นคนเดียวที่มีรสนิยมชอบของแปลกๆแบบนั้นน่ะสิ"

"ถ้าผมเห็นด้วยอย่างที่คุณว่ามา ก็หมายความว่าผมแอบนินทาไปถึงทัชซังด้วยสิ เอาเป็นว่าผมจะไม่ยุ่งดีกว่า"

"พูดแบบนั้นมันก็เข้าข่ายเห็นด้วยอยู่ดีนะ"

ถึงท่าทางภายนอกของพวกเขาจะดูไม่เปลี่ยนแปลง แต่อารมณ์ภายในกลับเคร่งขรึมจริงจัง อาจะไม่ถึงกับดราม่าน้ำตาตกอะไรขนาดนั้น เอาเข้าจริงแล้วพวกเขาก็แค่กำลังหยอกล้อเล่นเองก็เท่านั้น

โมมอนกะหัวเราะออกมา

ด้วยเหตุผลบางอย่าง การได้พูดในเรื่องที่ไม่ได้สำคัญอะไรนักกลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก

เขารู้เหมือนอยากให้การพูดคุยนี้มีอยู่ตลอดไป แต่เฉพาะกับเพื่อนของเขา "เปโรโรนชิโน่" คนเดียวเท่านั้น จริงๆแล้วเขาเองก็อยากจะเจอเพื่อนคนอื่นๆด้วยเหมือนกัน

โมมอนกะชี้ไปที่ทางเข้าอุโมงค์

"ผมว่าเราไม่ควรมาพูดกันตรงนี้นะ ไปที่จุดนัดพบจะดีกว่า"

"ใช่ ผมก็ว่างั้น"

พวกเขาสองคนเดินด้วยกัน ก้าวเดินจังหวะเดียวกัน

ตัวอุโมงค์สร้างมาจากวัสดุแบบเดียวกับที่เจอก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้ามองผ่านๆอาจจะคิดว่าเป็นคุกด้วยซ้ำไป ด้วยเส้นทางที่ทอดยาวไปข้างหน้าแม้ว่าจะมีประตูเรียงตัวทั้งสองฝั่งของอุโมงค์ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจและยังคงเดินกันไปเรื่อยๆ  อาจคิดกันไปว่าประตูดังกล่าวดูเล็กไปสักนิดถ้าเทียบของที่ใข้ตกแต่งสถานที่ แต่ถึงจะอยากเปิดเข้าไปดูข้างในพวกเขาเองก็ทำไม่ได้อยู่ดี

"ไหนๆก็พูดแล้ว วันนี้เราจะไปที่ไหนดี"

"ก็ไม่ได้มีบอกไว้ในเมล์นะ บางทีอาจจะพาคนไปฟาร์มเลเวลก็ได้ ผมหมายถึงพวกหน้าใหม่ที่ค่อนข้างจะมีเลเวลน้อยๆ ถ้าอยากสู้พวกเขาก็ทำได้ แต่เลเวลต้องไม่น้อยเกิน 2-3 เลเวล"

"ก็นะ คงจะดีถ้าระหว่างนั้นเราฟาร์มเงินของตัวเองไปด้วยซะเลย"

ในอิกราซิล หากกำจัดมอนสเตอร์ก็จะได้เงินดรอปมาแบบง่ายๆ แต่นั่นก็เพราะพวกเขามี "คลาสในการคราฟของ"

ถ้าได้เงินดรอปน้อย การสร้างเมจิคไอเทมก็จะยากมาก โดยเฉพาะคนที่เล่นสายเวทย์ต้องคิดให้ดีว่าจะลงดันแบบจริงจังแค่ไหน เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องขัดแย้งกับการดีไซน์เกมที่กำหนดไว้แต่แรกเพื่อให้ผู้เล่นกระจายกันออกไปสำรวจแผนที่โลก อย่างไรก็ตาม ตัวเกมก็เปิดกว้างมากกว่าจะมุ่งเน้นแต่เรื่องเงินดรอปเท่านั้น

"หมายความว่ายังไงครับ ดาต้าคริสตอลหรือเงินล่ะ"

"เรื่องเงินน่ะแน่อยู่แล้ว แต่ดาต้าคริสตอลเองผมก็อยากได้ด้วย"

พวกเขาสองคนเดินเคียงกันไป

เขาทั้งสองในชุดออกรบเต็มขั้นเดินกันแบบเคียงบ่าเคียงไหล่ พวกเขาเองก็อยากจะได้พื้นที่ๆกว้างกว่านี้ แต่ด้วยความกว้างภายในอุโมงค์ที่กำหนดด้วยค่าตัวแปรที่แปรผันไปตามขนาดของตัวพวกเขา จึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะต้องเดินกันไปในลักษณะนี้

"ดาต้าคริสตอลที่คุณอยากได้ก็เพื่อสร้างอาวุธในฝันสินะครับ"

ผลงานในฝัน Dream Builder

การสร้างตังละครที่สองถือเป็นเรื่องต้องห้ามใน DMMORPG อิกราซิล ผลก็คือ ทุกคนจะต้องสร้างตัวละครเพียงตัวเองของตัวเองให้ดีที่สุด ผู้เล่นโดยเฉลี่ยจะลองผิดลองถูกเพื่อเพิ่มทักษะให้กับตัวละครของตัวเอง โดยเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มพลังต่อสู้หรือไม่ก็เป็นการทักษะที่ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ เช่น การทำอาหาร หรือ การปรุงยา หรืออะไรที่คล้ายๆกัน

และท่ามกลางผู้เล่นเหล่านั้นยังมีเป้าหมายอีกแบบคือ Dream Builder

นั่นเป็นฉายาที่มอบให้กับผู้เล่นที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า คาดหวังผลเลิศทั้งพลังต่อสู้และความปรารถนาที่จะผจญภัย


ตัวอย่างเช่น เพื่อให้สาย "บาบาเรียน" ได้เปรียบในการต่อสู้ พวกเขาไม่เพียงแต่อัพคลาสในการต่อสู้แนวหน้าเท่านั้น แต่ยังอัพคลาส "Dragon Priest" หรือ "Bard" ที่มักจะถูกมองว่าเป็นคลาสที่ไม่มีประโยชน์

ดังนั้นผู้เล่นจำนวนมากจึงละเลย "Dream Builder" ไป

ในอิกราซิล การ "Raid" จะประกอบไปด้วย 5 ปาร์ตี้โดยแต่ละปาร์ตี้จะมีจำนวนในกลุ่มได้สูงสุด 6 คน หรือรวมแล้วสูงสุด 30 คน ไม่รวมกรณีสงครามกิลด์หรือศัตรูระดับ World Class
คนที่ไม่รู้จักตัวเองดีพออาจจะสร้างปัญหาให้กับสมาชิกคนอื่นๆได้ หรือก็คือ ทั้ง 30 คนนี้จะต้องช่วยกันจัดการบอสในแมพให้ได้ ถ้าเกิดมีใครคนหนึ่งในนั้นเล่นอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมา พลังต่อสู้โดยรวมของทีมจะลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะฉะนั้น คนส่วนมากที่ต้องการจะเป็น Dream Builder ก็มักจะมาจากกิล์ดหรือคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน


แล้ว โมมอนกะล่ะ



แคลนที่เขาร่วมตอนนี้ไม่มี Dream Builder เลยสักคน แต่เขาเองก็คิดอยู่ในใจว่าจะต้องรวบรวมคนแบบนั้นมาให้ได้เข้าสักวัน

"ใช่แล้ว เพราะแบบนั้นมันถึงได้ยาก ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าดันเจี้ยนแบบนั้นจะดรอปของหรือดาต้าตริสตอลให้หรือเปล่า เอาเถอะ มองกันอีกด้าน จะบอกว่าไม่มีใครรวมทีมกับผมเพื่อของดรอปก็ได้นะ"

"แล้วคุณไปรุ้เรื่องนี้มาจากไหน"

"ผมได้มาจากเนียรุจัง"

หลังจากได้ยินชื่อซึ่งเป็นเว็บไซต์ชื่อดัง ใบหน้าของโมมอนกะก็ไม่ปรากฎอะไร แต่ทางด้านเปโรโรนชิโน่กลับแสดงอิดมติค่อนรูป "ไม่สบายใจ"


"เนียรุนั่นเอง เว็บฟรีนั่นมีแต่ข่าวปลอมทั้งนั้น บางทีอาจจะมีแผนเพื่อที่จะลิ้งค์ข้อมูลไปหาเว็บเสียเงินอีกต่อก็ได้ เมื่อก่อนก็เคยมีกรณีการปล่อยข่าวปลอมที่หลอกให้คนไปรวมกันอีกที แล้วตัวเองก็มาเก็บดาต้าคริสตอลคนเดียวแล้วนี่ครับ"

มีเว็บไซต์มากมายที่มีข้อมูลปลอมๆเกี่ยวกับอิกราซิล โดยเฉพาะเว็บที่เปิดให้ใครเข้ามาเขียนหรือแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมได้เอง

เพราะความรู้คือพลัฃอำนาจในอิกราซิล ผู้เล่นส่วนมากไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลที่ตัวเองรู้มาให้คนอื่นๆ ไม่ใช่เพราะไม่รู้จริงหรือไม่เชื่อใจคนอื่น แต่เพราะข้อมูลพวกนั้นเป็นของที่มีค่า มีราคาค่าตัวสูง แต่ก็แน่ใจได้เลยว่าข้อมูลแบบนั้นจะต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่ๆ

"ผมเองก็รู้นะ แต่ข้อมูลนี้ดูมีความน่าเชื่อถือมาก คุณเองก็รู้จักกิลด์ระดับสูงที่ชื่อ Seraphim ที่มีแค่สาย Angle เท่านั้นถึงจะเข้ากิลด์ได้แล้วนี่ พวกเขาบอกว่าข้อมูลมาจากกิลด์นั่นแหละ"

"ก็นะ ถ้าอย่างนั้นความน่าเชื่อถือก็มีมากจริงอยู่ แต่ว่า"

ในที่สุด พวกเขาก็เดินมาถึงหน้าประตูบานคู่ซึ่งอยู่สุดปลายทางของอุโมงค์

โมมอนกะเปิดประตูเพื่อให้เปโรโรนชิโน่เข้าไปก่อน อันที่จริงแล้วนี่เป็นมารยาทพื้นฐานที่พนักงานกินเงินเดือนทั่วไปพึงกระทำ แต่ถึงเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยมารยาทแล้ว เปโรโรนชิโน่ควรจะเป็นคนเปิดประตู

"ขอบคุณมากครับ"

หลังจากเปโรโรนชิโน่ก้าวเข้าไปแล้ว โมมอนกะจึงเดินตามมาทีหลัง


ห้องภายหลังประตูนั้นถูกสร้างด้วยคอนกรีต ถ้าที่นี่เป็นถึงห้องกิลด์ มันอาจจะไม่ดูธรรมดาแบบนี้ แต่เพราะต้องจ่ายค่าเช่าด้วยเงินในเกม พวกเขาเลยเลือกที่จะไม่เสียเงินไปอย่างประโยชน์เพื่อของที่ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์อะไร แต่ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบของห้องธรรมดาๆ แบบนี้ เพราะการที่ไม่ต้องใช้ข้อมูลในการสร้างมาก จึงได้ห้องที่ใหญ่โตกว่าห้องทั่วไป

ภายในมีโซฟาและเก้าอี้จัดวางไว้กระจายทั่วห้อง ซึ่งถ้านับเฉพาะผู้เล่นที่เป็นมอนสเตอร์ก็จะมีประมาณ 18 คนนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมที่พวกเขาเคยนั่ง คลื่นแห่งอีโมติคอนที่แสดงการต้อนรับปรากฎขึ้นทันทีที่พวกเขาเข้ามา

โมมอนกะส่งอีโมติคอนรูปยิ้มเพื่อเป็นการทักทายกลับ

"แล้วเราจะไปนั่งไหนดี"

"ตรงนี้มั๊ย"

โมมอนกะและเปโรโรนชิโน่เลือกนั่งในชุดเก้าอี้คู่เพื่อที่จะได้หันหน้าเข้าหากัน

"พวกเราคุยกันถึงไหนแล้วล่ะ"

โมมอนกะคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้แล้วตอบคำถามของเปโรโรนชิโน่

"ผมว่าเรากำลังพูดถึงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออยู่นะ"

"ใช่แล้ว เรื่องนั่นแหละ อย่างที่ผมบอก คุณต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองว่าข้อมูลนั่นมันจริงหรือปลอมกันแน่ ขอบอกเลยนะ ว่าถ้าวันนี้ไม่มีการนัดประชุมของแคลน ผมคงออกไปกับคุณสองคนแล้ว"

"เอ๋ แบบนั้นจะดีเหรอ เปโรโรนชิโน่ซัง"

"แน่นอนโมมอนกะซัง พี่สาวของผมก็บอกว่าจะมาด้วย แต่ช่างเถอะ เธอยังไม่มานี่นะ เอาเป็นว่ายังไงเราก็ต้องการตัวแทงค์อย่างเธออยู่ดี"

"ของคุณมากนะครับ เปโรโรนชิโน่ซัง"

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก ถ้าเป็นโมมอนซังล่ะก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว เอาเป็นว่าครั้งหน้า เราออกไปกันสองคนนะ"

"ยินดีเลยครับ"

"เอาล่ะ ตอนนี้เราก็มี Attacker, Tank แล้วก็ Wildcard แล้ว เพื่อความชัวร์ น่าจะมีอีกสักสามคน Healer, Seeker แล้วก็ Attacker อีกสักคน"

"พวกนายสองคนวางแผนจะออกไปที่ไหนอีกล่ะ"

พวกเขามองไปยังเสียงที่สาม และพบกับหัวหน้าของแคลนนี้

"โอ้ ทัชซังเองเหรอครับ สวัสดีครับ"

"สวัสดีครับ"

"อ้อ สวัสดีครับ"

ที่ยืนอยู่คือนักรบชุดเงินด้วยรูปลักษณ์แบบพาลาดินที่ดูแข็งแกร่ง

เขาสวมผ้าคลุมสีแดงที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นผ้าพันคอ

ถึงแถวนี้จะไม่มีลม แต่ผ้านั่นก็ปลิวไสวได้ตลอดเวลา ตั้งนานมาแล้วที่โมมอนกะอิจฉาลูกเล่นแบบนี้ มันอาจจะเป็นแคชไอเท็มก็ได้ ที่เขารู้สึกคือความชื่นชม ถ้าเขาได้ใส่ชุดเกราะแบบนี้ก็อยากจะให้มีผ้าคลุมแบบนี้บ้างเหมือนกัน

ชายที่ชื่อ "ทัชมี" นั่งลงข้างโมมอนกะพร้อมกับอุทานออกมาว่า "โยชโช่" ท่าทางเหมือนคนแก่ไม่มีผิด และด้วยคำสั่งของเขา ผ้าคลุมก็เลิกสะบัดและกลับมาเข้าที่เหมือนเดิม

"ว่ายังไงครับ แคลนลีดเดอร์ วันนี้จะออกไปที่ไหนกันดี"

ถึงลีดเดอร์ของกิลด์จะถูกเรียกรวมๆว่า กิลด์มาสเตอร์ แต่นี่ก็ไม่ใช่กิลด์จริงๆ ออกจะด้อยกว่ากิลด์หรือแคลนด้วยซ้ำไป ดังนั้นทัชมีจึงถูกเรียกว่า แคลนมาสเตอร์

"ไม่หรอก อันที่จริงก็ยังไม่มีแผนอะไร ผมคิดว่าวันนี้ก็คงประชุมตามปกติ"

แคลนที่โมมอนกะสังกัดอยู่จะมีการประชุมร่วมเป็นประจำทุกสัปดาห์ ถึงจะมีคนจำนวนน้อยที่ไม่ได้หรือไม่อยากมา ก็จะถูกขอให้เข้าไปอ่านข้อมูลในบอร์ดของแคลนอยู่ดี

"โอ้ จะพูดว่า กำลังวางแผนจะไปที่ไหนอยู่สินะครับ"

การประชุมเป็นโอกาสดีที่สมาชิกทุกครจะได้พบเจอกันและยังมีโอกาสที่จะเกิดการรวมปาร์ตี้ชุดใหญ่เพื่ออกไปล่าดันเจี้ยนร่วมกันอีกด้วย ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีแผนออกไปที่ไหนก่อนอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าโชคดีก็อาจะได้พูดคุยและรวบรวมคนเพื่อจัดตั้งปาร์ตี้กันเองก็ได้

การตอบสนองต่อคำถามของเปโรโรนชิโน่ของทัชมีคือการออกเสียง "อืมมม" พร้อมกับมองบนเพดาน

โมมอนกะและเปโรโรนชิโน่หันมามองหน้ากันเองโดยที่ทัชมีก็ยังคงพึมพำอะไรกับตัวเองต่อไป

แบบนี้ไม่เหมือนกับทัชมีคนเดิม ปกติเขามักจะเป็นคนตรงไปตรงมา เปิดเผยและแสดงออกทั้งคำพูดและการกระทำ

พอโมมอนกะถามเขา เขากลับแลตามองไปที่ประตูซึ่งบูกุบูกุชากามะกำลังเข้ามาในห้อง

ในฐานะที่เธอเป็นถึงพี่สาวของเปโรโรนชิโน่ รูปร่างของเธอคือสไลม์สีชมพู เธอเรียกตัวเองว่า "กุโรคาวาอี้" ซึ่งไม่มีใครเห็นด้วยเลยสักคน ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าเธอกำลังพยายามล่อหน้าล่อตาพวกเขาอยู่

โมมอนกะ เปโรโรนชิโน่ และทัชมีเองก็ทักทายเธอ ซึ่งไม่นานท่าทางก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม

หลังการมาของโมมอนกะและเปโรโรนชิโน่ ก็เริ่มมีสมาชิกเข้ามาในห้องมากขึ้นเรื่อยๆ โมมอนกะพยายามอย่างเต็มที่ในการทักทายทุกคนที่เข้ามาด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่ออยู่ระกว่างการสนทนาบางทีเขาเองก็ลืมไปเหมือนกัน อย่างไรก็ดีเมื่อเธอคนนั้นมาถึงเขาก็รู้ได้ทันที ด้วยรูปร่างสไลม์สีชมพูซึ่งเด่นเอามากๆแม้แต่ในกลุ่มสมาชิกที่เป็นมอนสเตอร์ก็ตาม

ร่างกายของบูกุบูกุชากามาะโยกเยกไปมาระหว่างที่เดินเข้ามาหาโมมอนกะและคนอื่นๆ แม้เธอจะเป็นสไลม์แต่การเคลื่อนไหวก็ค่อนข้างเร็วพอตัว

ตามที่บูกุบูกุชากามะเล่าให้ฟัง เธอบอกว่าถึงลักษณะร่างกายจะเป็นแบบนี้แต่ก้รู้สึกเหมือนกับเดินด้วยขาสองข้าง เว้นแต่จะรู้สึกเหมือนใส่กระโปรงยาวแล้วเดินมากกว่า

เมื่อเข้าใกล้เธอก็นั่งลง ถึงร่างกายของสไลม์จะไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบผู้หญิง แต่จากท่านั่งของเธอก็พอเดาได้ว่าส่วนไหนคือเอวของเธอ ซึ่งดูได้จากการก้มนั่นเอง

"โย่ พวกนายดูท่ากำลังจะคุยเรื่องซีเรียสอยู่สินะ ตกลงเรื่องอะไรกัน"

"ก็ไม่มีอะไรหรอก เราแค่กำลังคุยกันอยู่ว่าวันนีั้จะออกไปไหนดี"

"ฮาฮา เป็นอย่างที่น้องชายฉันบอกเลย ทัชซัง หลังประชุมวันนี้มีอะไรอีกหรือเปล่า"

"คิดดูแล้วก็คงได้เวลา เอาล่ะทุกคน เยี่ยมเลย มากันครบพอดี"

หลังจากสะดุดใจกับคำพูดของทัชมี โมมอนกะรีบมองไปรอบๆ เขาจึงมองเห็นมอนสเตอร์อีก 27 ตัวซึ่งต่างสายพันธ์กัน ดูเหมือนสมาชิกทุกคนจะมารวมตัวกันครบแล้วที่นี่ ยิ่งสำหรับการประชุมปกติแล้วเรื่องแบบนี้ยิ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก

แคลนนี้พิเศษตรงที่สมาชิกทั้งหมดเป็นคนทำงานไม่มีเด็กนักเรียนแม้แต่คนเดียว ผลคือ เวลาว่างแต่ละคนไม่ตรงกันเลย อาจจะพูดยากว่ากิลด์แบบนี้จะไปต่อไหวหรือเปล่า ดังนั้นการที่ทุกคนมารวมตัวพร้อมหน้าในเวลาเดียวกันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแน่

"เฮ้ ยามะจัง สวัสดีจ้า"

บูกุบูกุชากามะโบกมือสไลม์ของเธอไปทางที่ยักษ์หน้าตาน่าเกลียดกำลังโบกมือมาทางนี้เช่นกัน

"อ่า สวัสดีค่ะ บูกุบูกุชากามาะซัง"

นั่นคือเสียงสุภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง

เธอคือ "ยาไมโกะ" ในร่างของเนฟิลิม ต่างจากยักษ์ทั่วไปที่มีลักษณะไปทางครึ่งปีศาจ เนฟิลิมไม่แม้แต่จะปกปิดความน่าเกลียดน่ากลัวของตัวเองด้วยการตกแต่งปิดบังร่างกายตัวเอง มันยากที่จะจินตนาการว่าด้วยร่างกายแบบนั้นที่จริงแล้วเธอคือผู้หญิง หากไม่นับรวมบูกุบูกกุชากามะ

เธอเคยบอกเมื่อก่อนว่าเธอจะเปลี่ยนสายพันธ์ตัวละครอีกที เธอเอาเข้าจริงเธอก็ไม่เคยเปลี่ยน ดูท่าเธอจะมีรสนิยมชอบของแปลกซะแล้ว

ยาไมโกะลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเดินอุ้ยอ้ายมาหาพวกเขาด้วยก้าวเดินที่หนักแน่น

"ยามะจัง...เรียกฉันว่า จัง ด้วยสิ นะๆตัวเอง"

"เอ๋?"

ยาไมโกะถึงกับแสดงอีโมติคอนรูป "Oh dear" (ตายละ) ออกมาแทนความคิดของตัวเอง จากนั้นเธอจึงตอบกลับไป

"....บูกุจัง?"

บูกุบูกุชากามะถึงกับนิ่ง ยาไมโกะรู้โดยทันทีว่าเธอคงไม่ชอบชื่อนี้แน่ เลยลองเรียกชื่ออื่นแทน

"งั้น บูกุบูกุจัง?"

บูกุบูกุชากามะล้มไปกองกับพื้นเหมือนถูกอัดเข้าไปอีกหมัด จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนหมดกำลังใจในชีวิต

"ขอโทษนะ อย่าเรียกฉันว่า บูกุจังอีกเลย"

เพราะงานของเธอ เธอจึงสามารถแสดงน้ำเสียงต่างๆ ไปตามบทบาทที่เธอกำลังแสดงอยู่ และตอนนี้ก็คือเสียงของคนอาลัยตายอยาก

"อ่า...ขอโทษด้วยนะ ชากามะจัง"


"ชื่อนี้ก็ไม่ได้แย่นักหรอก แต่ฟังดูไม่น่ารักเอาซะเลย"


น้องชายของเธอกำลังพยายามพูดอะไรสักอย่างประมาณว่า "ก็ดูสารรูปเธอสิ" แต่โมมอนกะและทัชมีทำเป็นเนียนเงียบต่อไป

พวกเขารู้ดีว่าการไม่ทำอะไรในตอนนี้เป็นสิ่งที่ฉลาดที่สุด

"ตกลง ต่อไปเรียกฉันว่า คาเซจจิ"

"คาเซจจิ? ฉันนึกว่าเธออยากให้เรียกว่า -จัง ซะอีก"

"เถอะนะ ยามะจัง"



บูกุบูกุชากามะที่กำลังเบิกบานใจค่อยๆกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ด้านข้างของยาไมโกะเข้าไปทุกที



ทั้งยาไมโกะ โมมอนกะ และทัชมีต่างไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเรียกเธอว่าคาเซจจิด้วย พวกเขาหันไปมองบุคคลเดียวในที่นั้นที่พอจะให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้



คือว่า...พี่ผม เมื่อก่อนเธอยังไม่มีชื่อในวงการที่คนรู้จักนัก คาเซอุมิ คุมิ คือชื่อนั้นครับ แฟนๆมักจะเรียกเธอว่า คาเซจิน เธอเองก็เปลี่ยนชื่อเรียกหลายครั้ง แต่ชื่อนี้คือชื่อที่เธอชอบที่สุด



แบบนี้เอง..”



พอลองมองดีๆ ไสลม์สีชมพูตัวนั้นค่อยๆ หมุนตัวล้อมรอบเนฟิลิม(ยาไมโกะ) เรื่อยๆ ถึงจะมองดูเหมือนว่ากำลังเต้นกันอยู่ แต่มันก็ดูประหลาดไปหน่อยสำหรับภาพที่มองจากคนภายนอก แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำสำหรับแคลนรวมสัตว์ประหลาดแบบนี้



เอาละ ต้องขอโทษด้วยที่ขอขัดจังหวะความสนุกของสาวๆนะ ในเมื่อทุกคนก็มากันครบแล้วแบบนี้ ก็ควรจะเริ่มกันเลยดีกว่า อย่างที่เขาว่าไว้ น้ำขึ้นให้รีบตัก



เมื่อทัชมียืนขึ้นและพูดด้วยนำเสียงจริงจัง ทุกคนต่างเข้ามานั่งล้อมรอบโต๊ะกลมตามตำแหน่งเดิมที่ตัวเองชอบ



ก่อนจะเริ่มการประชุม ฉันมีเรื่องบางอย่างที่จะร่วมหารือด้วย หวังว่าทุกคนคงจะพอมีเวลาให้ฉันหลังจากนี้นะ สำหรับสัปดาห์นี้มีใครได้ค้นพบเจออะไรที่อยากจะมาแชร์ให้ฟังกันหรือเปล่า



พูดได้ว่าการประชุมแบบนี้เป็นการและเปลี่ยนข้อมูลและการช่วยเหลือในรอบสัปดาหก็ว่าได้ แต่การที่จะได้ข้อมูลใหม่มานั้นก็ไม่ได้ง่ายนัก



ตามข้อมุลในหน้าเว็บไซต์ของทีมพัฒนา อิกราซิลเป็นเกมแห่งการสำรวจและยังมีเรื่องลี้ลับอีกมาก มันเป็นเกมที่ให้ผู้เล่นควบคุมชะตาตัวเองจนถึงที่สุด ในขณะที่ข้อมูลในเกมส่วนใหญ่ถูกรวบรวมไว้จนเกือบจะหมดแล้ว ทั้งเรื่องดันเจี้ยนและตำแหน่งพิกัดต่างๆ แต่นั่นก็เป็นแค่เพียง 30% ของพื้นที่ทั้งหมดจากโลกทั้ง 9 โลกเท่านั้น



ยกตัวอย่างเช่น เกี่ยวกับไอเทมระดับ World Class หรือที่เรียกกันว่าไอเทมระดับโลกแตกซึ่งมีจำนวนรวมทั้งหมดคร่าวๆ ประมาณ 200 ชิ้น แต่ตามข้อมูลของทีมพัฒนาบอกมา มีเพียง 50 ชิ้นเท่านั้นที่ถูกค้นพบ มีผู้เล่นมากมายพยายามอย่างหนักเพื่อตามหามัน และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่พวกเขามารวมตัวกัน



ในฐานะที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ของแคลนนี้เป็นคนวัยทำงานซึ่งจะเข้ามาเล่นได้เฉพาะช่วงว่างเท่านั้น ทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอในการสืบค้นข้อมูล  ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาแทบจะไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถืออยู่เลย



อย่างไรก็ตาม วันนี้นั้นต่างออกไป



ผมเอง



มีมือถูกยกขึ้นหลังจบคำถามของทัชมี



อธิบายได้เป็นคำพูดว่า ผู้ที่พูดนั้นเป็นนินจา เขาสวมชุดนินจาที่คุ้นตาบวกกับหน้ากากประหลาด พกดาบห้อยไว้ทั้งสองข้าง ถ้าไม่บอกว่านี่คือนินจาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี



เขาคือหนึ่งในพรรคพวกรุ่นก่อนของโมมอนกะนิชิกิ เอนไร



นิชิกิซัง มีอะไรหรือเปล่าครับ



แน่อยู่แล้ว ทัชซัง นี่จะเป็นการค้นพบที่สุดยอดที่สุดเลยล่ะ



หลังคำพูดนั้น ทุกคนในห้องต่างอุทานออกมาโอ้ปนไปด้วยความสงสัยและตื่นเต้น



ผมได้ไปค้นพบดันเจี้ยนที่ยังไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน

ความสนุกและสงสัยถูกปกคลุมไปด้วยความประหลาดใจ และสมาชิกหลายคนก็ถึงทำเสียงน่าขนลุกออกมา



ทุกคนต่างเข้ามาถามนิชิกิ เอนไร แม้แต่โมมอนกะ เปโรโรนชิโน่ และทัชมีเองก็ด้วย จะมีก็เพียงสองสาวเท่านั้นที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร นั่นคือ ยาไมโกะ และ บูกุบูกุชากามะ



เกมอิกราซิลประกอบไปด้วยโลก 9 ใบ แต่ละโลกมีพื้นที่มหาศาลยากต่อการสำรวจให้ทั่ว เช่น สระน้ำขยาดยักษ์  ป่าฝนชุ่มน้ำ ทะเลทราย และอะไรที่คล้ายๆกัน การจะเข้าไปสำรวจในแต่ละที่ต้องใช้ไอเทมเฉพาะทางประกอบกับแผนการเพื่อไม่ให้การเข้าไปสำรวจกลายเป็นการทิ้งชีวิตไปโดยสูญเปล่า ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากเอาชีวิตและเวลาไปเสียเปล่าในที่พวกนั้น



และเพราะดันเจี้ยนที่หายากมักจะมีมอนสเตอร์ซึ่งดรอปไอเทมหายาก ใครก็ตามที่ไปเจอกับดันเจี้ยนแบบนี้ ก็ไม่ต่างจากการไปเจอแหล่งขุมทรัพย์ดีๆนั่นเอง



และอีกอย่าง การค้นพบดันเจี้ยนจะมีผลต่อระดับแรงกิ้งระดับโลกของกิลด์ด้วย จึงไม่แปลกที่ที่ใครๆต่างก็อยากหาให้เจอ



ตกลงว่าคุณไปเจอมันที่ไหนกันแน่



คนที่ถามขึ้นมาคือสมาชิกที่ยังไม่ค่อยเชื่อใจในตัวแคลนลีดเดอร์อย่างทัชมี เขาคือชายที่มีหัวเป็นแพะซาตานอัลเบิร์ต อาเลน โอเดิล



เขาคือหนึ่งในสมาชิกของคลาสที่ถูกเรียกว่าหายนะระดับโลกซึ่งในอิกราศิลถือว่ามีน้อยคนมากๆที่จะได้เข้าร่วมคลาสนี้ นั่นเพราะการจะได้มานั้นคือการจัดการสมาชิกคนก่อนหน้านั่นเอง นี่เป็นคลาสที่มีทักษะในการทำลายล้างเป็นพิเศษ และเขาก็เป็นคนที่มีพลังการโจมตีสุงที่สุดในแคลนนี้อีกด้วย



ก่อนที่นิชิกิ เอนไรจะทันได้อ้าปาก สายตาทุกคู่ต่างก็หันไปจับจ้องที่ทัชมีซึ่งพูดโพล่งขึ้นมา



หรือคุณจะหมายถึงบึงพิษขนาดใหญ่ที่อยู่ในสระของเฮลเฮม



จะบอกว่าเป็นบึงพิษนั่น  ที่มีพวกต้านทานพิษอย่างพวกทูเวกนั่นน่ะเหรอ



นั่นล่ะ ผมเจอมันที่บึงนั่นเองแหละ



สุดยอด แต่ว่าคุณทำได้ยังไงกัน? มีคนตั้งเยอะที่ลองใช้การสำรวจทางอากาศ แต่ก็ไม่เห็นจะมีใครที่เจอดันเจี้ยนนี้มาก่อนเลย ผมได้เห็นรายงานของพวกเขามาหมดแล้ว ไม่มีใครหลอกผมได้แน่



ผู้พูดนั่นคือหนึ่งในสมาชิกแคลนระดับหัวกะทิ ทาบูล่า สมารักดิน่า



ด้วยรูปร่างที่ประหลาดอย่างน่ากลัว ซึ่งประกอบไปด้วยฟันเฟืองที่ดูผ่านๆแล้วจะคล้ายๆกับเครื่องทรมาน ทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการสร้างตัวละครของเขาทั้งสิ้น



พวกเราไม่ได้จะสงสัยอะไรเลยน้าาา



คนที่พูดเสิมอีกคนก็เป็นหนึ่งในสมาชิกแคลนระดับหัวกะทิเช่นกัน ทั้งยังใช้นามแฝงว่าจูเกอ คงหมิงหรือชื่อในเกมคือ ปูนิตโต โมเอะ



เขาเป็นคนที่ให้กำเนิดพืชในชื่อที่เรียกกันทั่วไปว่า “Death Vine”



พอพวกทูเวกเจอผู้บุกรุก พวกมันจะส่งสัญญาณกระจายไปทั้งเผ่าทันที เพราะแบบนี้พวกมันเลยเป็นตัวยุ่ง เพราะไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปใกล้พวกมันโดยที่พวกมันไม่รู้ตัวเลย



คือว่า ที่จริงมันค่อนข้างจะลึกลงไปใต้สระมากเลยนะ ผลบังเอิญไปเจอมันเข้าตอนที่กำลังตามหาของอย่างอื่น  ผมเองก็บอกไม่ได้หรอกนะว่ามันลึกสักแค่ไหน



แล้วมีใครได้เดินทางไปกับนิชิกิซังบ้างหรือเปล่า



ทุกคนต่างสายหัวเมื่อได้ยินคำถามจากปูนิตโต โมเอะ



ถ้าอย่างนั้น คุณได้พา NPC พวกนักรบรับจ้างกลุ่มใหญ่ไปด้วยล่ะสิ ไม่น่าน่ะ ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะตกเป็นเป้าโจมตีจากพวกมันแน่ แบบนั้นมันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ไม่แปลกใจเลยที่มีแต่คนใช้การสำรวจทางอากาศอย่างเดียว แต่ถ้าทุกคนที่นี่เข้าไปที่นั่นพร้อมกันก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เอาเป็นว่าตกลงคุณเจอที่นั่นได้ยังไง นิชิกิซัง



ปูนิตโต โมเอะขยับเถาวัลย์ที่ดูคล้ายๆนิ้วมือของตัวเอง บางทีอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง  ซึ่งโมมอนกะเองก็ยังไม่เข้าใจ ยังไงก็ตามการตั้งคำถามของเขาดูจะไม่ใช่ท่าทีปกติของเขาเลย



อย่างไรก็ดี ผลดีของสิ่งที่ปูนิตโต โมเอะทำก็ส่งผลให้มีข้อมูลกระจายสู่สมาชิกทุกคนในแคลนอย่างทั่วถึงกัน



โปลิสแมนซัง คุณกำลังทำพลาดครั้งใหญ่เลยนะร่างนินจาสวมหน้ากากพูดพร้อมหัวเราะไปด้วย

ที่คุณต้องทำก็แค่ แอบเข้าไปในพวกทูเวกแบบเงียบที่สุด จากนั่นก็เปิดตัวพร้อมจัดการหัวหน้าใหญ่ในครั้งเดียว ก็เหมือนกันการแอบซ่อนดีๆนั่นแหละ



ปูนิตโต โมเอะถึงกับพูดไม่ออก



การมโนต่างๆจบลงทันที



ก็อย่างที่ว่าไป การจะแอบเข้าไปจัดการใครสักคนทางด้านหลังสำหรับผมแล้วมันง่ายๆ ผมเลยเข้าไปลึกลงเรื่อยๆใต้สระนั่น ถึงจะมีมอนสเตอร์จำพวกที่ตรวจจับศัตรูได้จากแรงสั่นสะเทือนก็เถอะ ผมมั่นใจว่าตัวเองจะผ่านพวกมันไปได้ไม่ยากเย็นอะไรอยู่แล้ว



นิชิกิซัง ผมฟังแล้วมันดูแปลกๆนะ การที่จงใจทำแบบนั้นถึงจะเป็นนินจาก็เถอะ  ที่หมายความวาคุณเลือกตัวละครนี้เพื่อที่จะสร้างให้ทำอะไรแปลกๆแบบนี้เหรอ



ปูนิตโต โมเอะส่งคำพูดออกไปพร้อมสายตาเขม็ง นิชิกิ เอนไรตอบกลับปนหัวเราะอีกเช่นเคย



อ้าว นี่คุณไม่รู้เหรอ มันก็แค่การแอบโจมตีง่ายๆเอง แล้วการลอบโจมตีจากด้านหลังก็ให้ดาเมจมากขึ้นไปอีก จริงอยู่ที่ว่าการป้องกันของผมมันแย่ ถ้าตายจริงคงทิ้งศพไว้แถวนั้น แต่ผมว่ามันน่าสนุกดีออก ผมมักจะชอบตัวละครสายลอบเร้นที่ว่องไวแบบนี้ จะบอกว่าเป็นความฝันของผมก็ได้ พูดก็พูดเถอะ ปูเนตโต โมเอะซัง คุณเองก็เล่นเกม Aberage อยู่แล้วนี่ คุณสร้างแมชชีนแบบไหนกัน ผมชักอยากจะคุยเรื่องนี้ขึ้นมาซะแล้วสิ



ชื่อเกม Aberage ที่พวกเขาพูดขึ้นมาเป็นเกมที่โมมอนกะไม่เคยเล่น หลักๆคือการสร้างชุดพาวเวอร์สูท แล้วเอามาสู้กัน



อ้อ ผมเล่นสายบาลานซ์นะเน้นไปที่พลังเฉลี่ยของเกราะ เป้าหมายคือจัดการทุกคนไงล่ะ



ฟังดูก็เป็นสิ่งที่คุณอยากจะสร้างนะ สำหรับผมเอง ก็อย่างที่ว่าไป ไม่เน้นเกราะ ขอโจมตีแรงกับวิ่งไวก็พอ เรื่องการสำรวจผมคงเอาแน่นอนไม่ได้นัก ขอพึ่งตาตัวเองกับความว่องไงดีกว่า



ชักจะแปลกไปกันใหญ่



ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ปูนิตโตซัง แมชชีนของผมก็ขึ้นไปถึงแรงค์บนๆแล้วนะ ชื่อว่า Violet ด้วย



Beast King เมกอนกาวะที่นั่งอยู่ข้างๆ นิชิกิ เอนไร ถึงกับพูดโพล่งขึ้นมา

หาาา คุณว่าอะไรน่ะ แบบนั้นระดับของคุณก็อยู่ซุปเปอร์ท๊อปคลาสอีกสิ ผมยังแค่ระดับกรีนอยู่เลย บางทีเลิกเล่นน่าจะดีกว่า



ไม่ๆ อย่าทำแบบนั้นเลย เอาไว้มารวมทีมกับผมคราวหน้าก็ได้



พอได้ฟังสมาชิกแคนพูดกันอย่างตื่นเต้นถึงสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักเลยสักนิด ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา โมมอนกะเองจึงรู้สึกเจ็บปวด แล้วเสียงตบมือก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา



เอาล่ะๆ ออกทะเลไปกันใหญ่แล้ว นิชิกิซัง ช่วยเล่าที่มาของดันเจี้ยนนั่นหน่อยสิ



อ้อ ขอโทษครับ ทัชซัง คือว่ามันมีเกาะตั้งอยู่จุดที่ลึกที่สุดของสระนั่นเลย จะบอกว่าเป็นฐานเลยก็ว่าได้  ระหว่างทางจะมีทางเข้าดันเจี้ยนอยู่



นิชิกิ เอนไรบอกว่าชื่อของมันคือ Tomb of Nazarick (สุสานแห่งนาซาริก)



แล้วทำไมถึงไม่มีใครหาเจอทางอากาศเลยล่ะ



เพื่อเป็นการตอบคำถามนั่น ปูนิตโต โมเอะจึงเอ่ยขึ้น



ผมคิดว่าดันเจี้ยนนั้นคงมีเงื่อนไขพิเศษบางอย่างถึงจะถูกเจอได้



เป็นเรื่องจริงที่ว่าดันเจี้ยนบางที่จะปรากฎตัวออกมาต่อเมื่อมีเงื่อนไขครบถ้วน อย่างเช่น ทางเข้าดันเจียนที่อยู่ระหว่างสวนดอกไม้ที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าจะต้องรอเวลาเฉพาะคืนที่พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น แบบเดียวกับจุดเด่นของเมืองเยือกแข็งแห่งนิฟเฮม ที่จะเข้าไปได้เฉพาะช่วงเกิดพายุหิมะเท่านั้น



ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงข้อสันนิฐานเท่านั้น ทาบูล่า สมารักดิน่า พูดต่อ



บางทีมหาสุสานแห่งนาซาริกอาจจะมองเห็นได้เฉพาะคนที่เข้าไปใต้สระด้วยเท้าหรือเปล่า หรืออาจจะเห็นได้เฉพาะระยะความสูงทีกำหนดเท่านั้นก็ได้



หลังจากมีการตอบรับประมาณว่าแบบนี้เองและอาจเป็นแบบนั้นก็ได้นิชิกิ เอนไรจึงพูดต่อ



งั้น  ผมมีข้อเสนอ ทำไมเราไม่ไปที่นั่นกันซะเลยล่ะ



การตอบรับคราวนี้ดูจะน้อยกว่าตอนที่รู้ว่าที่รู้ข่าวว่าเจอดันเจี้ยนลับเข้าให้แล้วซะอีก



เพราะมันยังไม่เคยมีใครเข้าไป ก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเข้าไปเจออะไรบ้าง มันอาจจะยากมหาโหดชนิดที่อาจตายกันได้ยกทีม และดันเจี้ยนในอิกราซิลก็ไม่ใช่แบบที่จะบอกว่าเลเวลแบบไหนควรเข้าไปซะด้วย



สิ่งที่เปลี่ยนความคิดของทุกคนคือเสียงผู้หญิงที่มักถูกเรียกว่ามีเป็นพวกใช้กำลังมากกว่าสมอง



มันน่าสนใจไม่ใช่เหรอทุกคน นี่เป็นถึงดันเจี้ยนลับเชียวนะ พวกเราเองก็พยายามหาอะไรทำโดยที่ไม่ต้องมานั่งคิดถึงเลเวลอยู่แล้วนี่



ผมเองก็เห็นด้วย ดันเจี้ยนแบบนี้อาจจะอันตรายแต่ถ้าเราผ่านมันไปได้รางวัลที่มีจะต้องมากแน่นอน ฉันอยากให้มีการบุกเข้าไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะเคลียร์ที่นั่นจนหมด ดันเจี้ยนพวกนี้อาจจะยุ่งยากไปบ้าง แต่เราก็ควรเข้าไปเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะมีคนอื่นๆมาเจอทีหลังนะ

คำพูดของทั้งยาไมโกะและอัลเบิร์ต อเลน โอเดิลต่างก็มีเหตุผลทั้งคู่ซึ่งทุกคนก็ควรจะเห็นดีไปด้วย



โมมอนกะเองก็สนับสนุนความคิดนี้เหมือนกัน



การบุกเข้าดันเจียนครั้งแรกจะได้โบนัสหรือสมบัติเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ส่วนถ้าเคลียร์ดันเจี้ยนได้เป็นครั้งแรก รางวัลใหญ่จะเป็นไอเทมจำพวกชุดอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งจะมีระดับเลเวลสูงกว่าปกติถึง 10-20%



มันคงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเขาซึ่งรู้เรื่องนี้เป็นคนแรกๆพลาดสมบัติและรางวัลต่างๆไปเสียเอง และปล่อยให้คนอื่นๆมาชุบมือเปิดของดีๆไปซะหมด



นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนจะต้องตัดสินใจร่วมกันอีกครั้ง เอาไว้เราค่อยไปบุกดันเจี้ยนนั่นหลังจบการประชุมนี้ก่อน โอกาสหายากมากนะที่ทุกคนจะมารวมตัวกันมากขนาดนี้เกิดเสียงเชียร์ดังขึ้นหลังทัชมีพูด แม้จะมีคนที่ไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ไม่นานพวกเขาก็คล้อยตามความตื่นเต้นของคนที่เหลือไปจนหมด



ความตื่นเต้นพลุ่งพล่านไปทั่วสมาชิกรอบโต๊ะประชุม



แล้วมีใครที่อยากจะแบ่งปันข้อมุลอะไรอีกมั๊ย



ไม่มีเสียงตอบจากคำถามของทัชมี

ดีแล้ว ถ้ายังงั้นอย่าพึ่งรีบไปไหนล่ะ เพราะฉันมีเรื่องที่อยากจะพูด



ทัชมีมองไปรอบๆ แล้วก็หย่อนระเบิดลงกลางที่ประชุม



ก่อนอื่น ฉันอยากจะยุบแคลนนี้ซะ

[นิยายแปลไทย] Blu-ray BOX4 Special Story: Overlord Prologue ปฐมบทโอเวอร์ลอร์ด Part2 [นิยายแปลไทย] Blu-ray BOX4 Special Story: Overlord Prologue ปฐมบทโอเวอร์ลอร์ด Part2 Reviewed by PagToyShop on เมษายน 09, 2561 Rating: 5

Post AD