[นิยายแปลไทย] Blu-ray BOX4 Special Story: Overlord Prologue ปฐมบทโอเวอร์ลอร์ด Part1
[นิยายแปลไทย] Blu-ray BOX4 Special Story: Overlord Prologue ปฐมบทโอเวอร์ลอร์ด
Part1
แปลไทยโดย ZinthiaLiberic
++++++++++++++++++++++++++++++++
Part1
เสียงเอี๊ยดจากการเปิดประตูอย่างช้าๆ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ไม่ว่าจะเคยซ่อมไปแล้วสักกี่ครั้งก็ตาม
เหตุผลก็ง่ายๆ
เพราะบานพับประตูมันเสื่อมจนซ่อมไม่ไหวแล้ว
จริงอยู่ที่ว่าการลงมือซ่อมมันอย่างจริงจังคงทำให้เสียงนั่นหายไป
แต่สำหรับเขา "ซุซุกิ ซาโตรุ" ไม่รู้สึกว่านั่นจำเป็นเลย
หากต้องยอมเสียเงินเพื่อเป็นค่าซ่อมให้กับประตู
ซึ่งใช้งานแค่เฉพาะตอนขาไปกลับจากที่ทำงานนั้นเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเกินไป
อีกอย่าง
พอนานๆไปเขาเริ่มคิดว่าเสียงจากประตูนั่นคล้ายกับเสียงต้อนรับกลับบ้าน
เลยเริ่มชินหูเข้าไปทุกที
ที่สำคัญนั่นอาจจะเป็นเหมือนเสียงเตือนภัยหากมีคนบุกรุกเข้ามา
ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าจะมีคนอยากจะบุกรุกเข้าในอพาทเม้นซอมซ่อนี้จริงๆหรือเปล่า
คงไม่มีใครคิดว่าเจ้าของห้องที่อยู่หลังประตูผุๆแบบนี้จะมีของมีค่ามากนัก
ถึงจะมีคนบุกเข้ามาก็คงต้องเปลี่ยนใจแล้วไปเข้าห้องอื่นแทนแน่ๆ
แสงไฟสีขาวจากเพดาน
ทำงานด้วยโมชั่นเซนเซอร์ แอร์รุ่นโบราณเองก็เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
(โมชั่นเซนเซอร์
.. ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว หากมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
จะกระตุ้นให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงาน)
บรรยากาศมืดสลัวคงยังมีอยู่จางๆ
แม้จะเปิดไฟแล้วก็ตาม ภาพที่อยู่หลังบานประตูเต็มไปด้วยความเงียบเหงาและหดหู่
นั่นคือภาพที่เขาพบเจออยู่ทุกวัน
เขาปิดประตูและล็อคอีกสามชั้น
ถึงจะทำแบบนี้เพื่อช่วยให้อุ่นใจขึ้น พวกโจรก็ยังงัดล๊อคเข้ามาได้อยู่ดี
"ตัวล๊อคไฟฟ้างั้นเหรอ?"
บางทีเขาควรจะใช้อะไรที่ดีมากกว่านั้น
ถึงอย่างนั้น
ด้วยการคำนวณอันรวดเร็วของซูซุกิ ซาโตรุ
สรุปได้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะหมดเงินไปกับระบบป้องกันขโมย.
เพราะโอกาสที่จะมีใครเข้ามาขโมยของในห้องนี้นั้นน้อยมาก เมื่อคิดได้ว่าทำไปก็ไม่ช่วยอะไร
เขาจึงทิ้งความคิดเรื่องการสิ้นเปลืองเงินนั้นทิ้งไปเสีย
พูดกันตามจริง
เขาเองก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินเลย ฐานเงินเดือนเองก็สูง
แต่เขาเองต่างหากที่ใช้ชีวิตอย่างคนมีเงินไม่พอใช้
บัญชีธนาคารที่เขามีก็กระจายกันหลายแห่งแต่เขากลับไม่รู้ว่าจะใช้เงินนั้นอย่างไรดี
เขาบังคับตัวเองให้ใช้เงินอย่างประหยัดเพราะตัวเองรู้สึกว่าไม่ควรใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย.
เขามักรู้สึกว่าสักวันหนึ่ง
เขาจะมีโอกาสได้ใช้เงินพวกนั้นเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง
เขาถอดและโยนรองเท้าไว้ด้านข้าง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถงจึงรู้สึกได้ทันทีว่าฝีเท้าเบาลง
สาเหตุที่ทำให้ฝีเท้าหนักคงมาจากรองท้านั่นเอง
ห้องครัวซึ่งอยู่ใกล้โถงทางเดินเกือบจะเรียกได้ว่าว่างเปล่า.
สังเกตได้จากไม่มีเครื่องครัวเลยสักชิ้นเดียว. ซูซุกิ
ซาโตรุล้างมือและหยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาเช็ด จากนั้นเปิดตู้เย็นที่ทั้งเล็กและเก่า.
ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกไม่ค่อยดีที่มองเห็นสิ่งนั้น และเอื้อมไปหยิบอาการมื้อค่ำของเขาออกมา
เรื่องอาหารนั้นสำคัญ
เพราะความหิวจะลดประสิทธิภาพทางความคิดลงและนั้นอาจะส่งผลต่อเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วย.
เขาเดินผ่านประตูทั้งสามบานอันได้แก่ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และห้องนอน
ผ่านมาจนถึงประตูซึ่งอยู่ในสุดเพื่อเข้าไปในห้องที่ค่อนข้างจะเล็กห้องนั้น
โครงสีดำกว้างประมาณ 100 cmวางอยู่เหนือแท่นอะไรสักอย่าง
หากดูจากข้างหน้าจะเห็นถึงรูปทรงที่ดูสบายๆ
เก้าอี้ที่ดูดีมีระดับพร้อมเบาะรองเท้า. ด้านข้างประกอบไปด้วยรีโมตและสายไฟ,
วางอยู่บนล้อและโต๊ะสองชั้น
นั่นคือสิ่้งเดียวที่อยู่ภายในห้องหากไม่นับปฏิทินที่แขวนอยู่บนผนัง
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นถูกตั้งอยู่ใจกลางห้อง
หากปราศจากสิ่งอื่นๆ
ผู้คนทั่วไปคงเข้าใจว่าเจ้าของห้องนี้เป็นมนุษย์ที่ดูจะไม่สนใจสิ่งอื่นใด.
บนโต๊ะยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ในตัวเขา
รูปภาพครอบครัวที่กำลังอุ้มเด็กอย่างมีความสุข
ซูซุกิ
ซาโตรุนั่งบนเก้าอี้และวางอาหารค่ำของเขาลงบนโต๊ะ ถอดเน็คไทออกและทิ้งไว้ที่พื้น
ถัดมาเขาถอดหน้ากากกรองอากาศและแว่นตานิรภัยออกด้วยการถอดเพียงครั้งเดียว
ชุดเสื้อโค้ตคือสิ่งถัดไปที่เขาถอดออก
แต่ละชิ้นหมายถึงการปลดปล่อยพันธนาการซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา
ต่อไปก็ถึงคราวของชุดชั้นใน
ซึ่งประกอบไปด้วยเสื้อเชิร์ตและบ๊อกเซอร์ในสภาพที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่
เขาทิ้งมันไว้รวมกับผ้าเช็ดตัว
ถึงแม้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะอาบน้ำทีหลังแต่การที่ตัวยังเหนียวอยู่อย่างตอนนี้เขาเองก็ทนไม่ได้เช่นกัน
เขาบรรจงล้างใบหน้าและมือซึ่งเป็นส่วนที่สัมผัสกับอากาศภายนอกแล้วกลับมาวางชุดที่ดำเปื้อนพวกนั้นบนโต๊ะ
หลังจากนั้นก็กลับมานั่งเก้าอี้
สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นของแบรนเนมถูกผลิตโดยบริษัท Big
Eight Corporation อาจะเป็นได้ว่าพวกมันคือของที่มีค่ามากที่สุดภายในอพาร์ทเม้นนี้ก็ได้
นอกจากรูปร่างภายนอกของเก้าอี้ที่ดูดีแล้ว
แม้จะรับน้ำหนักทั้งหมดของเขาก็มันไม่ส่งเสียงเอี๊ยดสักนิดแตกต่างกับประตูทางเข้าอย่างสิ้นเชิง
เขาถอนหายใจยาวและมองเพดานอย่างว่างเปล่าด้วยดวงตาไร้ความรู้สึกใด
และเมื่อเขาหันกลับามองที่ปฏิทินอย่างตั้งใจ
"เห้อ
คงอีกนานล่ะนะ"
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงกลางสัปดาห์
วันหยุดของเขาครั้งต่อไปดูเหมือนจะอยู่ไกลเกินจะเอื้อมถึง
"เห้อ
เห้อ เห้อ เห้อ"
ซูซุกิ
ซาโตรุ ถอนหายใจตามวันที่ยังเหลืออยู่
ลงท้ายด้วยเสียงปกติของเขาที่ฟังไม่ออกว่าเป็นคำว่าอะไร
เหมือนว่าพลังของเขาจะหมดลงแล้ว เสียงนั่นจึงหยุดไป
รอยยิ้มผุดบนใบหน้าของเขา
"เอาล่ะ
ช่างมันเถอะ"
แน่นอนว่า
ยิ่งเขาคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้เท่าไหร่
ความเจ็บปวดในใจพวกนั้นก็จะถูกลืมทิ้งไปจนหมดเอง
ซูซุกิ
ซาโตรุ หยิบอาหารค่ำของเขาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา
เขาเสียบหลอดดูดเข้าไปในอาหารเหลวรสสเต๊ก
แล้วดูดมันเข้าปาก
มันค่อนข้างะเหนียวไปบ้างสำหรับเจลรสเนื้อ
ที่จริงแล้วควรเรียกว่าแย่มากกว่า
แต่เขาเองก็เชื่ออย่างหนักแน่นว่าการจะออกตามหาอาหารที่ดีเลิศนั้นช่างไร้สาระ
ทั้งหมดนั่นมันก็แค่เรื่องบ้าบอ ลงเงินไปกับของพวกนี้มันก็แค่นั้น
สิ่งสำคัญคือมันทำให้ท้องของใครสักคนอิ่มได้ก็พอ
ถึงจะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการมากนัก แต่ก็พอจะใช้การได้อยู่
ต่อมา
ซูซุกิ ซาโตรุก็กลืนวิตามินรวมและยาเสริมพร้อมกับน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ
ลงท้ายแล้วมื้อนี้หมดไป 220 เยน
ปกติแล้วสำหรับมื้อเที่ยงเขาจะออกไปทางข้างนอกซึ่งมีราคาสูงกว่าอาหารมื้อประหยัดแบบนี้
ซึ่งเงินส่วนเกินนั้นได้มากจากการประหยัดในมื้อเช้าและค่ำนั่นเอง
หลังจากได้เติมสารอาหารรเข้าสู่ร่างกาย
ซูซุกิ ซาโตรุก็กลับมามีท่าทางเหมือนกับมนุษย์ปกติอีกครั้ง
ต่างจากท่าทางอาลัยตายอยากตอนเข้าห้องครั้งแรก
ตอนนี้ดวงตาของเขาดูสดใสขึ้นและการเคลื่อนไหวทางร่างกายก็คล่องแคล่วมากขึ้น
เขาหยิบสายไฟสีดำขึ้นมา
ซึ่งเชื่อมต่ออยู่กับกำแพง
ซูซุกิ
ซาโตรุดึงพลาสติกที่้ล๊อคหัวต่อไว้ออก
เผยให้เห็นส่วนเชื่อมต่อยาวประมาณสามเซนติเมตร
ลักษณะเป็นส่วนเชื่อมต่อสีเงินเงาที่มีของเหลวเคลือบเอาไว้อีกชั้น
เขาดึงสายนั้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวจากนั้นจึงเอื้อมมือไปทางด้านหลังคอของตัวเอง
มีแสงเรื่อๆออกมาจากช่องบางอย่างที่อยู่หลังต้นคอของเขา
ด้วยท่าทีเรียบง่าย
เขาเปิดแผ่นพลาสติดที่ปิดอยู่บนช่องนั้นที่ต้นคอออก
เผยให้เห็นช่องเสียบที่ซ่อนอยู่ในนั้น
เขาเสียบสายไฟในมือเข้าไปอย่างไม่ลังเล
"โอ้"
ในช่วงเวลาที่เขาเงียบไป
เขารู้สึกได้ว่ามีพลังงานวิ่งผ่านไปในร่างกาย
คล้ายกับว่าเลือดที่ไหวเวียนเต็มไปด้วยการกระจายพลังงานออกมา
ภาพภายในห้องยังคงเดิม
แต่สิ่งที่เขามองเห็นนั้นต่างออกไป
มีหน้าต่างโปรแกรมแสดงขึ้นมามากมาย
แสดงถึงข้อมูลตัวประมวลผลที่อยู่ในสมองของเขา
เขาเริ่มการทำงานของ
ซีพียู
สำหรับคนที่เกิดก่อนยุคนี้เมื่อได้เห็นภาพและท่าทางที่เขาเพิ่งทำไมคงจะนึกสงสัยอยู่ไม่น้อย
เพราะมันคือ ซีพียูกำลังอ่านค่ากระตุ้นจากเซลประสาท หรือพูดได้ว่า
มันคือการควบคุมความคิดและเปลี่ยนให้กลายเป็นข้อมูล
ความคิดของเขาแล่นเข้าสู่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เหมือนกับการเสียบปลั๊กไฟแล้วเปิดทีวี
ไม่นานนักหน้าจอสีดำก็ปรากฎขึ้น
ภายในภาพนั้น
ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นแต่งตัวภูมิฐานกำลังเริ่มอ่านข่าว
"ความขัดแข้งเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาระหว่างสหภาพยุโรปที่สองและสาม"
เขาจัดการผ่านหน้าจอคอนโซลที่มองไม่เห็นนั้น
แล้วเปลี่ยนช่อง
"เกี่ยวกับบริษัทสามยักษ์ใหญ่ใจกลางเมืองหลวง
นีโอเกียวโต"
เขาเปลี่ยนช่องอีกครั้ง
"ได้มีการคุมขังผู้ต้องหาในคดีค้าผลิตภัณท์ไซเบอร์ผิดกฎหมายที่เมืองนีโอเกียวโตฮาชิโจ"
หน้าจอกระพริบไปมาระหว่างการเปลี่ยนช่อง
แต่ข่าวที่เขาหวังไว้ว่าจะเจอกลับไม่มีอยู่เลย ซูซุกิ ซาโตรุจึงขยับมือและปิดทีวี
"มาเริ่มเลยดีกว่า"
เขาหยิบเอาหมวกที่ใหญ่พอที่จะคลุมได้ทั้งศรีษะนั้นขึ้นมา
เชื่อมต่อสายไฟจากหลังคอเข้ากับหมวกสวมมันเข้ากับศรีษะของตัวเอง
ถึงแม้ลักษณะจะคล้ายกับว่าเป็นหมวกชนิดเต็มศรีษะแต่ก็ยังคงมีกล้องที่ใช้ในการส่งภาพภายนอกให้กลับมาแสดงผลโดยตรงผ่านทางสมอง
ดังนั้นภาพที่เขาเห็นอยู่ตอนนั้นนี้ชัดเจนราวกับว่ามองด้วยตาตัวเอง
หมวกนี้มีระบบบันทึกข้อมูลซึ่งจะทำการบันทึกทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกเวอร์ชวลทั้งหมดโดยอัติโนมัติ
ซึ่งข้อมูลจะถูกเก็บไว้ได้นานนับเดือนและจะทยอยลบออกเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ
หลายๆคนหลีกเลี่ยงที่จะไม่สวมหมวกนี้
ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะถ้าใส่เข้าไปก็หมายความว่าคนๆนั้นก็ได้ยอมรับเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวไปแล้ว
ใช่แล้ว
คนส่วนใหญ่ต่างก็สวมหมวกแบบนี้กันทั้งนั้น
ไม่ใช่เพราะกฎหมายบังคับ
แต่เพื่อป้องกันตัวเอง
นิวรัลนาโนอินเตอร์เฟสคือการขยายขีดความสามารถของสมองให้ทำงานได้เหมือนกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลประสิทธิภาพสูง มันเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
แต่บางครั้งก็ถูกใช้การก่ออาชญากรรมเช่นกัน
โดยเฉพาะ
พวกแฮกเกอร์มักจะใช้สมองของคนอื่นๆเพื่อเป็นตัวช่วยในการก่อคดี
เพราะอย่างนั้น
หมวกนี้จึงเหมือนกับหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์
แม้ว่าคนที่ใส่จะมีส่วนเกี่ยวข้องในทางคดีก็ตาม
บ้างก็ว่ามันคืออินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัยทื่สุดในโลกยุคนี้ หากมองในแง่ดี
การไม่สวมมันก็อาจเพิ่มโอกาสที่จะจับผุ้ต้องหาได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นจึงมีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่เลือกที่จะไม่สวมมัน
เขารรู้สึกตัวได้ว่าการพูดคุยกำลังเริ่มถูกบันทึก
เขาจึงจัดการกับหน้าต่างคอนโซลที่ลอยอยู่ใกล้มือ เปิดหน้าต่างใหม่ออกมา
แล้วย้ายมันให้เข้ามาใกล้และสัมผัส
หน้าต่างที่เขาสัมผัสคือโลกของอิกราซิล
อีกไม่นาน
โลกที่แท้จริงของซูซุกิ ซาโตรุก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ทว่า
เกิดเสียงแจ้งเตือนฉุกเฉินขึ้นภายในหูของเขา
ซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน
ใบหน้าของเขาปรากฎสีหน้ายุ่งยากใจ
มีหน้าต่างแจ้งเตือนปรากฎขึ้นมา
"ระดับนาโนแมชชีนภายในศรีษะอยู่ในระดับต่ำกว่า 85%
กรุณาเพิ่มระดับของนาโนแมชชีน"
"หา.."
ซูซุกิ
ซาโตรุถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาดังๆ
เพื่อระบายถึงสิ่งที่เข้ามาขัดจังหวะความสุข ถึงจะไม่มีใครอยู่แถวๆนั้น
แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจำเป็นต้องระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา
"ก็ได้ๆ
เข้าใจแล้ว"
ซูซุกิ
ซาโตรุย่อหน้าต่างนั้นลงมา เพื่อลดเสียงที่น่าหนวกหูนั้นใน้อยลง
"รู้แล้น่า
ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเด้งออกจากเกมเพราะเออเร่อพวกนี้หรอก
งั้นอยู่นิ่งๆไปก่อนนะ"
เขาคว้าหลอดฉีดยาพลางบ่นกับตัวเอง
มันดูกล้ายกับที่ปั๊มตรายางเมื่อเขาเอามันกดลงบนแขน
และเมื่อเขาฉีดมันเข้าไปความรู้สึกเหมือนกับตอนที่เสียบปลั๊กเข้าหัวตัวเองไม่มีผิด
พลังงานเอ่อล้นในตัวองเขาแล้ว
มันเริ่มจากแขนและไหลเวียนไปทั่วร่างกายเหมือนไฟไหม้ที่ลามไปเรื่อยๆ
เขาวางหลอดฉีดยานั้นอย่างเบามือลงบนโต๊ะ
เขาสามารถเอามันกลับไปแลกชิ้นใหม่ได้ในราคาที่ไม่แพงนัก
แต่ถ้ามันเสียหายการซื้อใหม่จะใช้เงินที่สูงกว่ามาก
เพราะแบบนี้เขาถึงจำเป็นต้องรักษามันอย่างดี
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียเงินไปโดยไม่จำเป็น
มีข้อความแจ้งว่านาโนแมชชีนจำนวนหนึ่งได้เข้าสู่สมองและกำลังผสานเข้ากับร่างกาย
ไม่นานข้อความนั้นก็หายไป
และแล้วการเตรียมตัวก็เสร็จสิ้น
นั่นน่าจะครบแล้ว
จะได้ไม่มีอะไรเข้ามาขัดจังหวะเขาได้อีก
ไม่มีใครที่จะโทรหาเขา
เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดระบบโทรศัพท์เอาไว้
ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับเด็กที่กำลังจะได้ไปเที่ยว
ซูซุกิ ซาโตรุคลิกที่หน้าต่างชื่อ "อิกราซิล"
และโลกก็ได้เปลี่ยนไปทันใด
นาโนแมชชีนภายในสมองของเขาเริ่มกระบวนการคำนวณ
ปรับเปลี่ยนการมองเห็นและเข้าควบคุมระบบประสาท
แล้วภาพก็มองเห็นเมิ่อสักครู่ก็หายไป
รอบข้างเต็มไปพื้นที่ว่างเปล่า
คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะยังคงมีแสงสว่างเล็กๆอยู่ในความมืดนั้นเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า
เหมือนแสงระยิบระยับในอวกาศ
ในกลุ่มแสงนั้นลอยเรียงตัวกันเป็นรูปต้นไม้ยักษ์มองดูคล้ายว่าจะใหญ่จนครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด
ส่วนหนึ่งของภาพที่มองอยู่เกิดการสั่นไหว
เมื่อเขาหันมองไปยังด้านข้างก็พบกับบางอย่าง
มอนสเตอร์
มอนสเตอร์โครงกระดูกที่มีดวงตาลุกเป็นไฟ
เขาไม่ได้รู้สึกสับสนหรือหวาดกลัวต่อภาพอมนุษย์ที่ปรากฎตัวออกมาแทบจะในทันที
ที่จริงแล้ว นั่นคือตัวเขาในอีกตัวตน เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เขาเอื้อมมือออกไป
และเมื่อสัมผัสเข้ากับโครงกระดูกนั้น ภาพในสายตาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เส้นบรรทัดของข้อความอัลกอริทึมนับไม่ถ้วนลอยเข้าในสายตาของเขาและมันก็หายไปในทันที
พวกมันดูเหมือนจะมีความสำคัญบางอย่างแต่ในเมื่อเขาเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลย
นั่นจึงไม่ได้มีความหมายต่อเขา
อีกอย่างการที่ไม่รู้ก็ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้กับเขาเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม
มีเพียงบรรทัดเดียวที่เขาจำได้
นั่นคือบรรทัดบนสุดในระยะสายตา
หากตัวเลขนั้นไม่เป็น 100% การผจญภัยจะยังไม่เริ่มต้นขึ้น
ระหว่างที่ไม่มีอะไรทำ
เขามองมาที่มือของตัวเอง เนื้อหนังทุกอย่างได้หายไปแล้ว
เหลือเพียงโครงกระดูกที่แสดงถึงความเป็นอมนุษย์เท่านั้น
เขากำและคลายมือออก
เมื่อความรู้สึกแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน มันก็ดูสมจริงมากทีเดียว
ตัวเลขที่เขาเฝ้ารอได้กลายเป็น
100% อย่างที่เขาหวังไว้ ไอคอนจำนวนหนึ่งปรากฎขึ้นมา
เขาได้เลือกไปที่ไอคอนรูปสามเหลี่ยมวางอยู่เหนือสี่เหลี่ยม
พูดอีกอย่างก็คือ
ไอคอน HOME นั่นเอง
ถ้าเขาคลิกมัน
ไอคอนนั้นจะเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ขีดที่แสดงถึงการ "รอเข้าร่วม"
18/30
คือตัวเลขแทนจำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด 30 คน ซึ่งตอนนี้มีเข้าร่วมแล้ว 18
คนเขาซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ภายใต้ใบหน้าของกะโหลกที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย
และใช้มือกระดูกของเขาสัมผัสกับคำว่า YES เมื่อถูกถามว่า "Are you
sure?"
เริ่มต้นกระบวนการ
กรุณารอสักครู่
เสียงผู้หญิงดังจากข้างหูของเขาด้วยคุณภาพระดับห้องอัดและเสียงนั้นก็คล้ายกับการพูดคุยของมนุษย์ปกติมาก
แน่นอนว่าเสียงนั่นเกิดจากกระบวนการสร้างทางโปรแกรม
แม้แต่คนที่มีประสาทสัมผัสในการรับฟังดีก็ยังไม่สามารถบอกถึงความแตกต่างได้
เขารู้ดีว่ามีเพียงคนอย่างเพื่อนของเขาเท่านั้น ที่มีสัมผัสระดับดีเยี่ยม
เขาเรียกมันว่า "พิชไร้ค่า" ที่พอจะรู้ถึงเรื่องนั้น
เรื่องราวบางส่วนได้มาจากพี่สาวของเพื่อนของเขาคนนั้นอีกที
รวมถึงรายละเอีดยเชิงลึกที่เขาได้รู้มาด้วย
ถึงจะเป็นเรื่้องดีที่เธอบอกเขาในเรื่องนั้น
แต่เธอก็ไม่เคยปิดบังความเกลียดชังของเธอที่มีต่อคนที่เข้ามาแย่งงานในอาชีพของเธอเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเขามองย้อนกลับไปตอนที่เหมือนกับถูกเทศนาราว 30 นาทีนั้น
เขาก็เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย
ถึงจะมีคนมากประสบการณ์ทักท้วงมาว่าถึงทำไปก็ไม่ช่วยอะไร
แต่เขาก็ยังแอบเชื่อข่าวลือเรื่องนี้จากโลกออนไลน์
ว่ากันว่าถ้าพูดออกไปว่าอยากให้ระบบมันโหลดไวๆ ตัวระบบมันก็จะทำให้เร็วขึ้นมาจริงๆ
เพราะแบบนั้น เขาเลยพูดออกไปว่า "ให้ฉันเข้าไปเร็วๆสิ"
++++++++++++++++++++++++++++++++
[นิยายแปลไทย] Blu-ray BOX4 Special Story: Overlord Prologue ปฐมบทโอเวอร์ลอร์ด Part1
Reviewed by PagToyShop
on
มีนาคม 24, 2561
Rating:
Post a Comment